เรื่อง : พิมผกาพร พรเพ็ง
ภาพ : ประยนต์ ช่างเกวียน, จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์
อำเภอภูผาม่าน เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขาและป่าไม้ที่โอบล้อมเราอยู่มากมาย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนรักธรรมชาติของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมานาน แต่ในวันนี้ ทริปปั่นจักรยาน KHON KAEN CITY BIKE TOUR ซึ่งมีผู้สนับสนุนหลักอย่าง ททท.ขอนแก่น และ TCDC ขอนแก่น ได้ร่วมกับครูสอยอ. และทีมเพื่อนบ้านจากสีชมพู กำลังจะพาทุกคนไปรู้จักกับอำเภอภูผาม่านในแง่มุมใหม่ๆแล้ว ก็ยังจะพาทุกคนไปรู้จักกับ อีกหนึ่งอำเภอที่อยู่ใกล้กัน นั่นคืออำเภอสีชมพู หนึ่งอำเภอที่น่ารักตั้งแต่ชื่ออำเภอ ไปจนถึงผู้คน ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะปั่นจักรยานเลี้ยวไปทางไหน เราก็พบแต่วิวที่ชวนให้ตื่นเต้นอยู่ร่ำไป นับว่าเป็นทริปที่ใช้ทุกวินาทีได้อย่างคุ้มค่า
.
อำเภอสีชมพูนั้นเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายที่ยังรอคอยให้เหล่าแบคแพคเกอร์ทั้งหลายสะพายเป้ออกไปตามเก็บบรรยากาศความสวยงามที่ซุกซ่อนอยู่ นอกจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว อำเภอเล็กๆ แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นที่น่าสนใจและกำลังรอคอยให้ผู้คนมากมายได้เข้ามาค้นหา พัฒนาและต่อยอดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้ไกลทั้งในแง่ คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เป็น UNSEEN LEGEND ที่สำคัญดั่งขุมทรัพย์เลยทีเดียว
.
จุดตั้งต้นจากการเดินทางเข้าไปทำความรู้จักกับสถานที่เหล่านั้นคงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าบ้านอย่าง ครูสอยอ ครูรุ่นใหม่ผู้อยากแบ่งปันความเรียบง่ายและความงดงามของธรรมชาติในชุมชนให้โลกได้รับรู้ และพี่กุล เจ้าของกิจการฟาร์มคิดผู้มีเป้าหมายที่อยากจะพาวัฒนธรรมท้องถิ่นในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก อีกทั้งยังมีทีมนักปั่นมือสมัครเล่นเจ้าบ้านกว่า 10 ชีวิต ผู้อำนวยความสะดวกในการเดินทางไปพบเจอสิ่งต่างๆ มากมายในทริปนี้ให้กับเรา จนเรารู้สึกเหมือนกับว่า One day trip สั้นๆ วันนี้ไม่ต่างกันกับการมา “เที่ยวบ้านเพื่อน” ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความสนุกสนาน การค้นพบ เต็มไปด้วยมิตรภาพและธรรมชาติรอบตัว
.
จุดเริ่มต้นของทริป คือ “ป่าดงลาน” ป่าสนสามใบสูงตระหง่านที่อยู่ในความดูแลของสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ผู้ริเริ่มปลูกและดูแลป่าสนแห่งนี้มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 การเดินทางนั้นก็ง่ายมากๆ เพียงขับเลยทางเข้าอุทยานแห่งชาติภูผาม่านมาสักหน่อย บริเวณซ้ายมือเราก็จะพบกับป่าสนดงลานแล้ว ต้นสนสูงลิ่วเป็นจุดสังเกตที่หาง่ายและสวยงามกลืนไปกับป่าต้นสักที่อยู่ใกล้กันด้วย
ป่าสน
.
หลังจากเริ่มต้นวันด้วยการเก็บภาพสวยๆ และดื่มกาแฟดริปร้อนๆ กันเป็นที่เรียบร้อย เราก็เริ่มออกปั่นกันจากบริเวณป่าสนดงลานไปตามเส้นทางดงลาน-สีชมพู ซึ่งระหว่างทางรอบข้างยังเต็มไปด้วยความสวยงามของต้นไม้สูงใหญ่ที่โค้งรับกับถนน เป็นการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ที่ลงตัว
.
ใช้เวลาไม่นาน เราก็มาถึงบ้านวังขอนแดง เข้าเขตอำเภอสีชมพูเป็นที่เรียบร้อย ชุมชนเล็กๆ ถูกโอบล้อมด้วยเขาล้อมรอบ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลังของวัดประจำหมู่บ้าน มีวิวหลักล้านที่ไม่สามารถหาซื้อได้หากไม่มาถึงที่ด้วยการนำทางของเจ้าบ้านของเราในวันนี้ แสงอาทิตย์ยามสายสาดลงมาที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทอประกายระยิบระยับรับกับภูเขาสูงที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กัน เป็นภาพที่ทุกคนในทริปพร้อมใจกันลงความเห็นว่า หากได้เสื่อสักผืนและหนังสืออีกสักเล่ม คงจะทำให้เราอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลยทีเดียว
.
ปั่นถัดจากตัวหมู่บ้านวังขอนแดงออกมาอีกนิดก็จะเข้าเขตทิวเขาสัพยาหรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า "ภูสบนก" เทือกเขาหินปูนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่เกษตรของชุมชนอย่างมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด รวมไปถึงข้าว พื้นที่ทำกินของชุมชนตั้งอยู่ท่ามกลางแนวเขาที่เราปั่นจักรยานลัดเลาะไปรอบๆ ได้สองบรรยากาศทั้งเขาหินปูนสูงใหญ่ และไร่มันสำปะหลังที่ยาวสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศรอบข้างซ้ายขวาสร้างความสนุกให้กับทีมอย่างไม่รู้เบื่อ เราไม่จำเป็นต้องไปถึงจุดเที่ยวเพื่อถ่ายรูปหรือชมความงามของสถานที่เหล่านั้นเพียงอย่างเดียว ระหว่างทางของทริปนี้ก็เติมความสุขให้กับเรามากมายจนอธิบายออกมาได้ไม่หมด
.
แสงอาทิตย์เที่ยงวันเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันกับร่างกายที่เริ่มงอแงเรียกหาอาหารเพื่อเติมพลัง ก่อนจะไปกันต่อที่อำเภอภูผาม่าน เราจะทานอาหารเที่ยงแบบฉบับคนท้องถิ่นอำเภอสีชมพูกันที่ร้านชำที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นกุหลาบ คัตเตอร์ หรือดอกกระเจียว ใกล้กันกับบริเวณวัดแสงธรรม อาหารเรียงรายเต็มโต๊ะ ประกอบไปด้วย แกงหน่อไม้ ส้มตำ ปลาเผา ต้มไก่บ้าน ผักสด สลัดโรล ข้าวเหนียวร้อนๆ ห่อใบตอง มีของหวานตบท้ายเป็นลำไยสดของขึ้นชื่อของอำเภอ ทีมปั่นของเราลงมือรับประทานกันอย่างรวดเร็วจน พี่แพรว ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม้ดอกไม้ประดับ บ้านผาน้ำเที่ยง ผู้จัดหาอาหารให้เราในวันนี้ถึงกับยิ้มไม่หุบ บอกตรงๆ เลยว่าอาหารที่ได้ทานหลังจากปั่นจักรยานๆ มาเหนื่อยๆ ผักสดกรอบไร้สารเคมีจากสวน พร้อมด้วยลำไยที่หวาน หอมอร่อย นี่เป็นเหมือนไฮไลท์ของทริปที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
.
หลังจากเติมพลังกันอย่างเต็มที่ เราก็พร้อมออกเดินทางรอบบ่ายเพื่อไปยังสำนักปฏิบัติธรรมวัดถ้ำผาเจาะ อีกหนึ่งจุดที่เป็น Unseen ของทริป ที่หากไม่ได้เจ้าบ้านอย่างพี่แพรวพาไป เราก็อาจจะไม่ได้ขึ้นไปชมความงามของถ้ำบนภูเขาแห่งนี้ (หากใครสนใจอยากจะขึ้นไปยังบริเวณถ้ำ จะต้องขออนุญาตกับทางสถานปฏิบัติธรรมก่อนนะ) เดินขึ้นเขาด้วยระยะทางสั้นๆ (แต่ก็หอบใช่เล่น) เราก็จะเจอปากถ้ำผาเจาะ ที่จะมีทางต่อไปยังบริเวณด้านบนของภูเขา พี่แพรวบอกกับเราว่า คนที่นี่เรียกหน้าผานี้ว่าถ้ำผาเจาะ เพราะหากปีนขึ้นไปด้านบน จะไปทะลุอีกด้านหนึ่งของภูเขา เป็นถ้ำที่เจาะเข้าหากันตามชื่อเรียกที่มีมาตั้งแต่สมัยพี่แพรวเป็นเด็ก “ในนั้นยังมีค้างคาวอีกด้วย สมัยเด็กๆ ปีนขึ้นมาเล่นที่นี่บ่อย แล้วก็เก็บขี้ค้างคาวลงไปใส่เป็นปุ๋ยให้ผัก ผักนี่แตกยอดเยอะไม่ไหว แถมยังสดกรอบด้วยนะ” พี่แพรวเปิดเผยเคล็ดลับความสดกรอบของผักที่เรากินกันเป็นมื้อเที่ยง ที่มาของปุ๋ยอินทรีย์ธรรมชาติก็มาจากถ้ำนี้นี่เอง
.
ปีนบันไดขึ้นไปจนไปถึงบริเวณหน้าผาอีกด้าน เป็นมุมที่ใครเห็นต่างก็ร้องว้าวกับความงามของถ้ำและธรรมชาติเบื้องล่างที่เราเห็น เป็นภาพมุมสูงที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วจริงๆ
.
หลังจากนั้นเราก็ไปแวะกันที่จุดท่องเที่ยวชุมชนอีกหนึ่งจุดคือ แปลงไม้ดอกไม้ประดับ บ้านผาน้ำเที่ยง ที่พี่แพรวกล่าวอย่างภูมิใจกับเราว่าที่นี่ปลูกไม้ดอกอย่างดอกคัตเตอร์ กุหลาบ ส่งออกไปขายหลากหลายที่ และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเก็บภาพบรรยากาศอีกด้วย
เดินทางกันต่อไปยังอำเภอภูผาม่าน จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ โดยจุดแรกที่เรามาปั่นจักรยานกันคือวัดเฉลียงทอง วัดเก่าแก่โบราณของชุมชนที่มีการอนุรักษ์ต้นเฉลียงอายุราว 200 ปี ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผึ้งหลวงกว่า 350 รังที่เข้ามาสร้างอาณาจักรของตัวเองในแต่ละปี ต้นเฉลียงสูงใหญ่คอยดูแลทั้งผึ้งและคนในชุนชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาตลอด
.
เช่นเดียวกันกับผู้ใหญ่บ้านประจำหมู่บ้านเซินเหนือผู้อุปถัมภ์จักรยานกว่า 20 คันให้กับทริปของเราในวันนี้ นอกจากวัดเฉลียงทองที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพื้นที่แล้ว ชุมชนหมู่บ้านเซินเหนือยังมีแหล่งท่องเที่ยวนวัตวิถีของ OTOP นั่นคือการทอผ้าที่ชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้วิธีการทอผ้าขาวม้าและผ้าพื้นถิ่นแบบต่างๆ
.
นอกจากนี้ ไฮไลท์สำคัญอีกอย่างนึงของบ้านเซินเหนือคือเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กับชายแดนแบ่งระหว่างขอนแก่นและชัยภูมิ เพียงแค่ปั่นจักรยานข้ามสะพานแม่น้ำเซินออกไป เราก็จะไปโผล่ที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ บรรยากาศของฝั่งชัยภูมินั้นเป็นนาข้าวที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงแดดยามบ่ายตกกระทบผืนน้ำในนาข้าวที่พึ่งลงกล้าเสร็จใหม่ๆ พร้อมกับจังหวะที่รุ้งกินน้ำกำลังสาดโค้งข้ามทุ่งข้าว ราวกับกำลังต้อนรับแขกพิเศษจากขอนแก่นกลุ่มนี้ ทำให้ช่วงบ่ายแก่ของวันพิเศษสุดบรรยาย สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทีมไปตลอดทาง
.
จากนั้นพี่กุลก็พาเราไปยังจุดชมค้างคาวของวันนี้ ไม่ใช่จุดชมค้างคาวของอุทยานอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน แต่เป็นบริเวณใกล้กับกับฟาร์มคิด จุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราในวันนี้ เดินลงไปยังท้องนาด้านหลังของฟาร์ม เราก็จะพบกับทุ่งข้าวกว้างใหญ่ที่มีเขาหินปูนเป็นภาพพื้นหลัง พระอาทิตย์ทอแสงสีทองรับกับต้นกล้าสีเขียวที่กำลังแข่งกันเติบโตขึ้นท่วมคันนา เป็นวิวที่มองได้ไม่เบื่อระหว่างรอคอยฝูงค้างคาวบินออกมาให้ได้ผลโฉมกันในยามพลบค่ำ
.
มื้อเย็นของเราวันนี้ฝากท้องไว้กับฟาร์มคิด ฟาร์มเกษตรออร์แกนิกที่บ้านหนองปลาซิว อำเภอภูผาม่าน เสิร์ฟหมูกระทะรสอร่อยด้วยผักที่เก็บเองในสวน และหมูหมักพริกไทยดำที่ทำด้วยความใส่ใจ ยังมีสเต็กเนื้อและสเต็กหมูที่ย่างร้อนๆ จากเตามาเสิร์ฟพร้อมถึงที่ ทานกันพร้อมหน้ากับสมาชิกที่มาร่วมปั่นวันนี้ทุกคน เราร่วมกันพูดคุยอย่างสนุกสนานหน้าเตาหมูกระทะ แลกเปลี่ยนทั้งความสุข ความสนุก ความอร่อยร่วมกันจนลืมไปเลยว่าเหนื่อยแค่ไหน เพราะเราได้รอยยิ้มและมิตรภาพดีๆ กลับไปมากมาย
.
เพราะเพื่อนบ้านแสนใจดีสีชมพูของเรานี้เอง ที่พาเราไปรู้จักกับสีชมพูและภูผาม่านในมุมมองใหม่ๆ เป็นสองอำเภอเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมายอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ เป็นสถานที่ที่ยังรอคอยให้ใครต่อใครพามันออกไปทำความรู้จักกับนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็ยังรอคนที่สนใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นและรักในผืนป่าธรรมชาติเข้ามาทำความรู้จัก เป็นทริป BIKE TOUR ที่ได้ EXPLORING THE HIDDEN TOWN อย่างที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้จักจริงๆ
.
Comments