top of page
Writer's pictureSRICHAN CLUB

ม่านชมพู อยากบอกให้โลกรู้ ว่าบ้านเรามีดี

Updated: Jul 24, 2020



เรื่อง : เจ้าบ้านสอยอ ครูรุ่นใหม่ผู้อยากแบ่งปันความงดงามของธรรมชาติในชุมชนให้โลกได้รับรู้

ภาพ : ครูสอยอ, ประยนต์ ช่างเกวียน




“ ไอ้สอ นิ่บ้านเอ็งใช่จังหวัดขอนแก่น จริงๆ ใช่หมายยยยยยย ทำไมมันไกลจังว่ะ แต่ว่ามันสวยมากกกกกเพื่อน ”


เพื่อนเสียงดังกับผม ปาน อ.เฉลิมชัย พูดใส่กล้องในระยะประชิด นั้นน่าจะเป็นครั้งแรกของการอวย จากคนนอก ที่ผมไม่ได้คิดเอาเองคนเดียว ย้อนกลับไปเมื่อ เกือบ 20 ปีก่อน หลังจากที่ผมพามันลัดเลาะดงลาน ด้วยมอเตอร์ไซค์ฮ่าง

ย้อนกลับไปอีกรอบ ใน 7 ปีก่อน ผมได้โอกาสไปเที่ยวที่ วังเวียง ประเทศ สปป.ลาว เชดดดด !!! ทั้งภูมิประเทศและฟิลลิ้ง มันใกล้เคียงบ้านผมชัดๆ ภาพฝัน คนปั่นจักรยาน คลุกฝุ่น หัวแดง บนถนน หินแห่ (ถนนลูกรัง) ที่โอบล้อมด้วยภูเขา หินปูน เขียว สูงตระหง่าน เสียดฟ้า สีฟ้าสด ตัดกับดินแดงของท้องไร่ มันช่างงาม ยูนีค ได้ใจ ต้องเกิดขึ้นในบ้านของเราสักวัน … และแล้ว วันนั้นก็มาถึง เมื่อเพื่อนจากแดนไกล แต่อยู่จังหวัดใกล้ และจังหวัดเดียวกัน ได้ให้โอกาสผมได้ต้อนรับ จากเพื่อนกลุ่มเล็ก 8 คน ถูกขยายเป็นกลุ่มใหญ่ 18 คน ในที่สุด



#สวนสวนดงลาน คือ จุดแรก เหมือนสวนหน้าบ้าน ที่ผมอยากเปิดประตูต้อนรับเพื่อนกลุ่มนี้ สนคาริเบีย ของกรมป่าไม้ ที่โตมาด้วยกัน เห็นตั้งแต่ต้นเท่าเอว บัดนี้ ผมต้องเท้าใส่เอวแหงนดูเธอแทน เพราะสูงเสียดฟ้า ต้นใหญ่ กินพื้นที่ 20 ไร่ ติดริมทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 201

ความสีน้ำตาลใหญ่ของหมู่ต้นสน และความเขียวสดของต้นหญ้าคลุมดิน เพิ่มความฟินเข้าไปอีก

ด้วยการดริปกาแฟสด หลายรสชาติที่ จากเพื่อนรุ่นน้อง คนสนิท ศิลปิน สาย(อีสาน)เขียว ที่วางมือจากกีตาร์ มาอาสาเป็น บาริสต้า ต้อนรับเพื่อน ผู้มาเยือน เพิ่ม อรรถรส ของการท่องเที่ยววิถีใหม่ ไทบ้าน

ฮิปเตอร์ พร้อมบทสนทนาที่เป็นกันเอง ให้ได้รู้จักกัน ฉัน และเธอ ก่อนจะได้ใช้เวลาร่วมกันใน 1 วันเต็มๆ

ก่อนจะสายไปกว่านี้ พวกเราถ่ายรูปกันอย่างหนำใจ ไม่ต้องเกรงใจเมมโมรี่ พื้นที่เก็บภาพในกล้อง และ โอบกอด รับพลังงาน จากต้นสน #ใครไม่สนต้นสน



รับพลังงานจากต้นสน ณ สวนสนดงลาน เปลี่ยนมาปั่นสร้างพลังงานจลน์ ข้ามถนน ย้อนกลับไปอีก 400 เมตร ถึงแยกไป อ.สีชมพู เพื่อปั่นจักรยาน ลอดอุโมงค์ต้นไม้ พวกเราสูดลมหายใจกันอย่างเต็มปอด สีเขียวจากต้นไม้นานาพันธุ์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงลาน ยาว 7 กิโลเมตร



เราปั่นกันเพลินจนยาวไปไกลถึงจุดไฮไลท์ ที่ไม่ใช่เจ้าถิ่นไม่มีทางรู้แน่ๆ นั้นคือ ผาสบนก สูงใหญ่ แต่กลับรับรู้ได้ถึงพลังงานอันนอบน้อม กับเงาภูผาชันที่ตกกระทบกับพื้นน้ำ อยู่หลังวัดบ้านวังขอนแดง ที่เป็นที่เล่นน้ำของคนในพื้นที่ แน่นอนความทรงจำในอดีตที่สวยงามกับที่นี่ วิ่งมาในหัวอยู่เสมอ เพื่อนที่มาเยือน ยกมือถือ และกล้องถ่ายรูปกันรัวๆ



ปั่นกันต่ออีก 200 เมตร ทุกคนก็ร้องว้าว ขอหยุดปั่นจักรยาน ขอเก็กสวย เก็กหล่อทำหน้ายิ้มแก้มบาน กับวิวตรงหน้า ทิวเขาสองข้างทาง และหมู่ภูเขาน้อยใหญ่ อยู่เบื้องล่าง มีหมู่บ้านแทรกตัวข้างล่าง รอพวกเราอยู่ คือหมู่บ้านซำจำปา หมู่บ้านที่น่าอิจฉา เพราะมีภูเขาล้อมรอบ แทบทุกทิศทาง เราปั่นเรียบเขา เลี้ยวเข้าซ้ายแรกก่อนถึง รพ.สต.บ้านซำจำปา ปั่นผ่านทุ่งนา ป่าอ้อย และป่ามันสำปะหลัง แต่เบื้องซ้ายของเรา คือภูเขา ระดับประชิดตัว นอนทอดยาว ยิ้มให้พวกเรา ก๊วนนักปั่นแบบคนสันหลังยาว ที่ปั่นแบบ สุข กับ ภาพ ไม่ใช่ปั่นเพื่อสุขภาพ เป็นเป้าหมายแรก 555



ความหิว ความร้อน และความเหนื่อย ทำงานมาแพ็คทีม เพื่อนนักปั่นสันหลังยาว เริ่มหายไปหลายคน แต่ความงาม ของธรรมชาติ และขุนเขา เป็นแรงกระตุ้นใจ และขอขวัญให้เพื่อนในทีมของเรา อีกหลายคน หยุดปั่นไม่ได้ ปั่นกันต่อไปให้ถึงจุดหมาย คือมื้อกลางวันที่ร้านค้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชน ก่อนถึงวัดถ้ำแสงธรรม แม้จะมาถึงไม่พร้อมกัน เพราะหลายท่าน เมามันกับการเก็บภาพสองข้างทาง



กลิ่นของแกงหน่อไม้ และส้มตำ ลอยมาเตะจมูกแต่ไกล น้ำเย็นๆ ถูกเสริฟมาพร้อม คุณลำไย ลูกใหญ่ ต่อด้วยเมนูเด็ด ต้มไก่บ้าน ไก่ย่าง และสลัดโรล ผักสดปลอดสาร จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านผาน้ำเที่ยง ทำให้มื้อกลางวันทริปนี้ หมดเกลี้ยงไป อย่างรวดเร็ว ทีมงานติดใจ สลัดโรล ผักสด พี่แพรวหัวหน้าทีมเสบียงจากชุมชนผาน้ำเที่ยง เลยจัดใส่ถุงให้อีกหมดเกลี้ยงเลยจริงๆ



ดูจากจำนวนรถที่จอด ของนักท่องเที่ยวที่ แน่นขนัด ในลานจอดรถ และยาวลามมาถึงถนน สถานที่สุดฮิตที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างของ อ.สีชมพู อย่างวัดถ้ำแสงธรรม พวกเราตกลงกันว่า ถอยดีกว่า ผมเลยขออาสาแนะนำที่ UNSEEN ใหม่ที่น้อยคนนักจะได้มาพบเห็น นั้นคือถ้ำผาเจาะ ที่ทางขึ้นอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมผาเจาะ ที่เงียบสงบ และมีเพียงเรากลุ่มเดียวที่ไปเยือนในบ่ายวันนี้

หลังจากกราบขออนุญาตพระคุณเจ้า พี่แพรวเจ้าถิ่น ก็พาพวกเราไปฟินกับผาเจาะที่งดงาม อลังการด้วยวิวที่สวยงาม ระดับ 5 ดาว ผาเจาะทะลุ หิน ไม่ได้มีแค่จุดเดียว แต่มีถึงสองจุด เป็น ผาเจาะ 2 in 1 ที่เดินขึ้นได้ไม่ยาก แม้จะเดินหอบ ร้อนปาดเหงื่อ แต่เมื่อไปถึง ความเย็นสบายในตัวถ้ำ ลมพัดจากปล่องถ้ำ บวกกับวิวทิวทัศน์ที่มองเห็น หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง มันช่างคุ้มค่าจริงๆ ที่หอบสังขารมาเยือน

ด้วยเวลาที่มีจำกัด ทำให้เราต้องตัดจุด UNSEEN ที่มีมากมาย ไปหลายจุด “มาวันเดียว เที่ยวทุกที่ไม่ได้นะ” เพื่อนในทีมร้องแซว บอกกับเจ้าถิ่นอย่างผม ขออนุญาต ยกตัวอย่างจุด Unseen เช่น ทุ่งดอกหญ้าดอกหญ้าคาบ้านอ่างทอง ทุ่งดอกหญ้าสีชมพูบ้านผาขาม วัดถ้ำศรีบัวบาน วัดถ้ำเจดีย์ และผาน้ำเที่ยง ที่ครั้งหน้าไม่อยากให้พลาดแต่ประการใด



จุดต่อไปเรายกจักรยานขึ้นกระบะ ขับรถตามกันไปเป็นคาราวาน มุ่งหน้าที่บ้านเซินเหนือ อ.ภูผาม่าน บ้านเพื่อนของเราอีกคน พ่อผู้ใหญ่บ้าน ยิ้มต้อนรับพวกเรา และพูดสำเนียงท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์ เล่าประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษ ว่าเป็นชาวลาวอพยพมาจากหลวงพระบาง ต้นเฉลียงทอง สูงใหญ่ 300 ปี ต้นเดียวในอำเภอภูผาม่าน คือ ประจักษ์พยานของประวัติศาสตร์ และความทรงจำในอดีต ที่ทั้งขื่นขมและน่าชื่นชม ร่องรอยการตอกตะปู เพื่อเอาผึ้งหลวงเกือบร้อยรัง บัดนี้ผึ้งหลวงเหลือให้เห็นไม่ถึงสิบ แอบเสียดาย และเสียใจกับการกระทำของคนที่มาเอาประโยชน์ฝ่ายเดียว

จากนั้นเราก็ปั่นกันต่อเป็นขบวนใหญ่ไปสวนป่าหมาก ข้ามลำน้ำเซินไปไม่ถึง 100 เมตรจากวัดเฉลียงทองก็เป็น ทุ่งนากว้างสวย บ้านทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จ.ชัยภูมิ เสียแล้ว



แดดอ่อนๆ ตอนเย็นๆ บวกกับ ละอองฟ้าหลังฝน เราปั่นจักรยานแถวตอนเรียงหนึ่ง บนถนนสายเล็ก ปานเด็กอนุบาล เข้าแถวหน้าเสาธง ที่วันนี้ธง(ธรรม)ชาติเป็นสีรุ้ง โค้งต้อนรับพวกเราผู้มาเยือน ให้ยิ้มใหญ่สุขใจ ระหว่างปั่น ท่ามกลางทุ่งนาสองข้างทาง ที่พื้นหลังเป็นม่านใหญ่ ด้วยภูเขาหินปูน สลับกับต้นหมาก และเถียงนาน้อยที่แทรกตัวในทุ่งนา หลังคาสังกะสี บรรยากาศดีงาม สวยประทับใจ ในความง่าย งาม เย็นสบาย เกินจะพรรณนาเป็นภาษาเขียน ฟิลล์มันได้ มันดี ดีจริงๆ ไม่ไหวแล้วววว



ก่อนพระอาทิตย์จะลาลับ พวกเราต้องวางมือจากการถ่ายรูป และวางเท้าจากการปั่น รีบขึ้นรถยนต์ เพื่อไปเข้าเฝ้า ท่าน เคาท์ แดร๊คคูล่า ที่ถ้ำค้างคาว กุลเพื่อนของเรา เจ้าถิ่นชวนคณะพวกเรา เดิน ลัด เลาะ ทุ่งไปเพื่อไปดูฝูงค้างคาวนับล้าน ออกจากถ้ำไปทำหน้าที่กะดึก

ระหว่างทาง ไปยังจุดหมาย แสงพระอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำ พวกเราเดินย่ำเท้า ทอดหุ่ย ลุยทุ่งนา ด้วยความผ่อนคลาย เคล้าเสียงหัวเราะ เริงร่า ด้วยบทสนทนาที่ไหลมาอย่างเป็นธรรมชาติของผองเพื่อน และเสียงนกกา ก่อนที่ฟ้าจะเริ่มสลัว ฝูงค้างคาวก็ค่อยๆบินออกมา ให้พวกเราร้องว้าว ส่งเสียงทักทายเป็นระยะๆ




เมื่อพระอาทิตย์ลาลับ เจ้าพระจันทร์ดวงใหญ่ ก็แตะมือมาทำหน้าที่ส่องแสงในค่ำคืนแรก ในคืนวันอาทิตย์ อาสาฬหบูชา ต้อนรับพวกเราในยามค่ำคืน ความชื้นมื่น ไหลลื่น ไม่สิ้นสุด เราฝากท้องที่ ฟาร์มคิด ด้วยเมนูหมูกระทะ น้ำจิ้มรสเด็ด มีเอกลักษณ์ อร่อยแซบไม่เหมือนใคร แถมจัดชุดใหญ่จากเมนูเด็ด เป็นเสต็กหมูและเนื้อจัดเต็มโต๊ะ ไม่มีที่จะวาง ในบรรยากาศ ร้านที่มีความไทบ้าน เรียบ เท่ ติดดิน มีรสนิยม

หลังจากอิ่มหนำ สำราญ เบิกบาน ทั้งเจ้าบาน และเพื่อนผู้มาเยือน ก็ได้เวลากล่าวคำร่ำลา ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ เป็นประโยค ที่พวกเราใช้จ่าย จนฟุ่มเฟื่อย ทางภาษา แต่ทว่า มันอิ่มเอมใจ ประทับใจ จนไม่อยากให้ทริปนี้จบลงง่ายๆ และมีเพียงครั้งเดียว


จากทริปเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ ในหัวใจของผมครั้งนี้ ผมในฐานะเจ้าบ้าน รู้สึกอบอุ่น ประทับใจ ในทีมเพื่อนบ้าน ที่มาต้อนรับ และดูแลเพื่อนของเราร่วมกัน อย่างนุ เอิร์ธ เดียร ก้อย กุล พี่แพรว อย่างมาก ขอบคุณพี่เอ๋ พี่หนู ที่ชวนจัดทริปนี้เปิดบ้านรับเพื่อน และเป็นการเปิดประตู ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในพื้นที่นี้ ร่วมกัน เพื่อน พี่น้อง ในทริปทุกคน ที่รับคำเชิญชวน มาม่วน มาสร้างบรรยากาศ ให้ทริป สนุก อบอุ่น และฟินไปด้วยกัน




อ่าน และเห็นภาพมาถึงตรงนี้ แล้ว ให้โอกาสพวกเราต้อนรับพวกท่านบ้างนะครับ เที่ยว อ.สีชมพู แล้วหัวใจคุณจะพองโต สดใส เป็นสีชมพู และไม่อยากให้ม่าน หมอก หรือม่านภูเขา ที่ อ.ภูผาม่าน ถูกทิวทัศน์ที่อื่น เป็นม่านบังตา จนหลงลืมความงดงามใกล้บ้านของเราไป ที่นี้ จ.ขอนแก่น ประเทศไทยครับพี่น้อง #ม่านชมพู #ไม่ไปไม่รู้

366 views0 comments

Comments


bottom of page