เรื่อง : ศิริลักษณ์ ภู่วาว
ภาพ : พิมผกาพร พรเพ็ง
Wild dog
“อยากให้ร้านหนังสือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของชีวิตประจำวัน” ร้านหนังสืออิสระ Wild dog
บทสนทนาเริ่มต้นตั้งแต่เราเดินเข้ามาแล้วก็ดูว่าจะไม่มีท่าทีจบบทสนทนาลงได้ง่ายๆ พี่โอ๊บ เป็นคนสตูล “เรียนอยู่กรุงเทพ จบมาทำงาน ไปบวช ปีนเขา แล้วก็กลับมาทำงาน ออกจากงาน แบกเป้ แล้วมาเปิดร้านหนังสือ” นี่คือลูปชีวิตคร่าวๆที่ใช้เป็นประโยคเปิด ก่อนที่จะเข้าไปสู่บทสนทนาในเชิงลึก ฟังดูแล้วเป็นประโยคเริ่มต้นบทสนทนาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย พี่โอ๊บ จบจากคณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำงานเป็นนิติกร หลังจากที่ทำมาได้หลายปี เราใช้ชีวิตด้วยความฝันและความต้องการของคนรอบข้าง เริ่มตั้งคำถามกับชีวิต จนตัดสินใจหนีไปบวชที่สุรินทร์ หลังจากที่บวชเสร็จก็ยังรู้สึกว่า คำถามยังไม่ได้รับคำตอบ ก็เลยตัดสินใจออกจากบ้านและเดินทางไปทั่วแต่ละภูมิภาค หาคำตอบให้กับชีวต จนมาตัดสินใจหยุดที่ขอนแก่นนานที่สุด
จุดเริ่มต้นของการเปิดร้านเป็นยังไง ?
ช่วงชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต ระหว่างการเดินทาง ”หนังสือ” จะเป็นเพื่อนที่รู้ใจและเวลาได้อยู่กับมันจะรู้สึกเป็นตัวเองมากที่สุด มีความคิดในหัวว่าอยากทำร้านหนังสือที่มีกาแฟ แต่พี่ก็ไม่ค่อยอินกับกาแฟเท่าไหร่ เรารู้สึกว่ามันดื่มกาแฟออกจากร้านไปมันก็จบ เลยคิดว่าไม่เอาดีกว่าเอาจริงเอาจังด้านเดียวไปเลยดีกว่า จนได้เริ่มต้นเปิดร้านหนังสืออิสระ ที่ขอนแก่น อยู่ในเมืองหลังโรงเรียนกัลยาณวัตร แต่การเปิดร้านก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จเลยทีเดียว เพราะเด็กเขาก็ยังไม่เข้าใจเราไม่ได้ขายแบบเรียน เราขายพวกวรรณกรรม สังคม การเมือง กวี ปรัชญาอะไรทำนองนี้ ซึ่งก็มีเด็กที่สนใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะมากถึงขนาดนั้น เด็กๆส่วนใหญ่ที่มาเขาก็เข้ามานั่งรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน เด็กบางคนเขาอ่านแล้วสนใจ มาขอผ่อนอาทิตย์ละร้อยอย่างนี้ก็มี ด้วยความที่มันอยู่ในเมืองค่าเช่าเลยราคาสูง รายจ่ายที่ต้องจ่ายกับรายรับของการเปิดร้านหนังสือมันตรงข้ามกัน อีกทั้งความที่ร้านอยู่ในอาคารเก่าๆ พอร้านมันเงียบๆ คนก็ไม่กล้าเข้ามา มันทำให้รู้สึกอึดอัด “ผมไม่กล้าออกจากโต๊ะทำงาน” มีความกดดัน เหมือนเป็นสิ่งแปลกแยกจากเมือง ทำให้ร้านปิดไปแบบชั่วคราว สามเดือนปิดสามเดือนเปิด และสุดท้ายมันก็ไม่สามารถที่จะไปต่อได้ มันเริ่มถึงทางตันอีกรอบ
แต่ทว่า… โชคยังเข้าข้างชายคนนี้
พอดีว่าพี่ที่รู้จัก ที่แกเปิดร้านอาหารตามสั่งข้างหน้า มาได้พื้นที่ตรงนี้ ในราคา 5000 บาท ทั้งหมดแกเลยชวนมาเช่าพื้นที่ตรงนี้ด้วยกัน ข้างหน้าก็จะเป็นพื้นที่โล่งกับพื้นที่ตรงหลังบ้าน บ้านหลังนี้ก็จะเก่าๆหน่อย แต่ด้วยความที่ค่าเช่าถูกลงมากว่าครึ่งต่อครึ่งจากที่เดิม จึงทำให้พี่โอ๊บตัดสินใจ รีโนเวตพื้นที่ตรงนี้ด้วยตัวเองและข้างหลังร้านก็ตั้งใจจะทำให้เป็นสวนที่นั่งอ่านหนังสือชิวๆพร้อมทั้งสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ แล้วกลับมาเปิดร้านอีกครั้งในปี 2562
การที่เดินทางบ่อยมันส่งผลกับความคิดหรือการเลือกหนังสือเข้าร้านมั้ย?
มันก็เป็นแค่ ฐาน หนึ่ง แต่ไม่ใช่ฐานทั้งหมด เดิมมันอยู่ที่ความสนใจในหนังสือมาตั้งแต่เด็กด้วยระหว่างทางที่ครอบครัวพาเข้ามาในเมืองเขาก็จะปล่อยให้เราลงไปรอที่ร้านหนังสืออยู่หลายชั่วโมง พอประถมก็เริ่มจากการอ่าน ร่องไพร พอมหาลัยก็เริ่มอ่านจาก นิตยาสารสารคดี ที่นอกเหนือจากกฎหมาย เข้าห้องสมุดกลางหาหนังสืออ่านไปเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกฐานที่ส่งผลกับการเลือกหนังสือนอกจากการเดินทาง
แต่ความตั้งใจของการทำร้านหนังสือคือ…
อยากให้ร้านมีหนังสือที่มีความหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงไปทางแนวใดแนวหนึ่ง เลือกด้วยความชอบของเราด้วยและเพิ่มความหลากหลายเจาะกลุ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เหมือนอย่างหนังสือที่พี่โอ๊บได้แนะนำให้กับเรา
“สายฝนบอกการมีอยู่ของฤดูหนาว”
เป็นหนังสือแนวกวีนิพนธ์ของคนในภาคอีสาน เลือกมาที่ร้านเพราะอยากสนับสนุนนักเขียนในภูมิภาค มีอีกหลายเล่มมากภายในร้านที่เราแถบจะไม่เคยเห็นตามร้านทั่วๆไป
คอนเซ็ปของร้านที่อยากให้มันออกมาเป็นแนวไหน?
“เราไม่อยากให้เป็นพื้นที่ปิดกั้น” เปิดกว้างมีหลากหลายแนวยอมรับซึ่งกันและกัน เราพร้อมที่จะเปิดรับทุกแนวหนังสือทุกแนวนักอ่านเราจะดูที่ตัวเนื้อหาถ้าอันไหนไม่โอเคจริงๆถึงจะไม่รับ แต่เอาจริงๆ มันไม่ค่อยมีเลย
กลุ่มลูกค้าเป็นยังไง?
ส่วนใหญ่คนที่รู้จักร้านจะเป็นคนที่อยู่ต่างจังหวัดมากกว่า มีลูกค้าประจำที่อยู่ในตัวจังหวัดอยู่บ้าง หลังๆก็เริ่มมีสื่อออนไลน์ที่เข้ามารีวิว ก็เลยเริ่มมีคนรู้จักมากยิ่งขึ้น พอลูกค้าบางคนเขามาจากต่างถิ่น เขาก็อยากได้โปสการ์ดของขอนแก่น เราก็เลยมีวางแพลนจะถ่ายรูปในขอนแก่นนำมาทำโปสการ์ดสำหรับลูกค้าที่สนใจด้วย
การจัดกิจกรรมต่างๆของร้านจัดขึ้นเพราะอะไร?
ในความคิดของเขาแล้ว เขาคิดว่าหากขอนแก่นไม่มีการจัดอีเว้นท์ผู้คนก็จะไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่ แต่ทุกวันนี้ขอนแก่นก็มีอีเว้นท์เยอะนะ พอทำร้านหนังสือเขาลยรู้สึกว่าเขาต้องจัดอีเว้นท์บ้าง เพื่อที่จะต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่ๆเข้ามาทำความรู้จักพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ไม่ใช่ว่ามาร้านหนังสือแล้วต้องนั่งเงียบอ่านหนังสือเป็นเด็กเนิร์ดอย่างเดียว เลยพยายามจัดอีเว้นท์ให้คนมาเรื่อยๆและคุ้นเคย “อยากให้ร้านหนังสือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของชีวิตประจำวันที่จะมา” นอกจากร้านกาแฟ
มีภาพในอนาคตของร้านไว้ยังไงบ้าง?
อยากแบ่งเปอร์เซ็นของลูกค้าโดยที่ไม่อยากให้ลูกค้าในออนไลน์เยอะเกินไป ต้องการที่จะให้คนเข้ามาที่ร้านหนังสือมากกว่าเราอยากให้มันเป็นเหมือนชุมชน คนเข้ามานั่งอ่านหนังสือพูดคุย มีกาแฟ ชา ให้จิบ มีสวนหลังบ้านให้นั่งเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆ จัดกิจกรรมใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น เวลาคนที่มาจากต่างจังหวัดก็สามารถนัดมาเจอหรือมานั่งที่ร้านหนังสือได้ อีกทั้งอยากจะแนะนำร้านหนังสืออิสระหรือห้องสมุดภายในขอนแก่นให้คนอื่นๆได้รู้จัก อยากจะทำ “แผนที่การอ่านขอนแก่น” เพื่อทำให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น
ที่ตั้ง : 193 55 ซอย ศรีจันทร์ 10 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น ขอนแก่น 40000
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ - วันศุกร์ 10.00 น. - 22.00 น.
โทรศัพท์ : 081 593 9796
Comments