เรื่อง : ภารดี ตั้งแต่ง
ภาพ : ROUGE Studio
จากบทความคราวก่อนที่เล่าเรื่องศรีจันทร์และความทรงจำของคนในย่าน ครั้งนี้ Srichan Club ขอเสนอเรื่องราวและประวัติโดยสังเขปของสถานที่สำคัญและอาคารต่าง ๆ ในย่าน
อาคารธนาคารกรุงเทพ
ตึกธนาคารกรุงเทพในปัจจุบันถือว่าเป็นอาคาร iconic ที่มีสร้างอยู่ทั้งที่จังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่ เป็น office building ติดแอร์แห่งแรก ๆ ที่หรูหรามากที่สุดในยุคนั้น อาคารคอนกรีตสีขาวสูง 4 ชั้นแห่งนี้แบ่งการก่อสร้างออกเป็นสองยุคด้วยกัน ตึกแรกสร้างก่อนในครั้งแรกในปี 2506 ส่วนตึกด้านขวามือมาสร้างเชื่อมต่อขึ้นในปี 2519 เพื่อขยายและปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และยังคงใช้งานมาจนทุกวันนี้ และที่หลายคนยังคงจำได้คือทางอุโมงค์เชื่อมต่อจากตัวอาคารที่จะพาไปยังลานจอดรถ ในอดีตเมื่อเกิดฝนตกน้ำท่วมจะอุโมงค์ กลายเป็นแอ่งน้ำให้เด็ก ๆ ในยุคนั้นได้กระโดดลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
ย่านตึกแถวหัวมุมถนนศรีจันทร์ตัดกับถนนกลางเมือง
คณะสำรวจเดินลัดเลาะ ตัดผ่านซอยเล็กๆ ที่เป็นทางลัดตัดเข้าตรอกหลังตึกเก่าธนาคารแห่งประเทศไทย ในซอยเล็กๆ แห่งนี้มีบ้านไม้โบราณอยู่หลายหลังที่น่าสนใจ ทั้งที่ยังคงเป็นพักอาศัยจริงๆ และบ้านเก่าที่ใช้เป็นเพียงพื้นที่เก็บของ เรือนแต่ละหลังมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยในเชิงสถาปัตยกรรม เพราะยังคงรูปแบบดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ เรือนไม้ที่น่าสนใจที่สุดเป็นเรือนไม้ห้องแถวสองชั้นอยู่ในพื้นที่ของโรงสีทวีแสงไทยจำกัด ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นเรือนพักสำหรับคนงาน เป็นเรือนไม้เก่าที่ยังสภาพสมบูรณ์อยู่มาก แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ยังไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชม
พวกเราอาศัยเดินหลบแดดร้อนทะลุซอยตัดเข้ามาทางฝั่งถนนกลางเมือง ซึ่งเป็นเส้นถนนที่ตัดพาดกับถนนศรีจันทร์ บริเวณตรงนี้เคยมีแลนด์มาร์คสำคัญเป็นวงเวียนน้ำพุ ซึ่งเป็นจุดที่มาร์คไว้ในแผนที่ว่าเป็นใจกลางเมืองของขอนแก่นมาจนปัจจุบัน บริเวณหัวมุมถนนตรงที่เคยเป็นที่ตั้งของตึกธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวลงแล้ว และตัวอาคารกำลังได้รับการบูรณะใหม่ ตึกสวยแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานทีเดียว เริ่มจากการที่เคยเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมประจำจังหวัด และต่อมาเมื่อศาลได้ย้ายออกไปตั้งที่ศูนย์ราชการจึงได้เปลี่ยนมาเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คนรุ่นใหม่หลายคนจึงยังอาจจะแปลกใจและหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมฝั่งตรงข้ามเส้นถนนกลางเมือง บริเวณเขตสถานีขนส่ง บขส. ใหม่ จึงยังเป็นเขตบ้านพักสำหรับผู้พิพากษาที่อยู่ใจกลางเมืองหลายหลัง ทั้งที่ศาลยุติธรรมเองนั้นตั้งอยู่คนละเขตห่างออกไป ตึกบริเวณหัวมุมซอยถนนห้าพฤศจิกาดูโดดเด่นแปลกตาเป็นพิเศษ อาคารหัวมุมปากซอยสีม่วงอ่อนอมควันบุหรี่ มองเห็นชัดว่าเพิ่งไดรับการปรับปรุงใหม่ เป็นอีกหนึ่งอาคารที่สวยสะดุดตาอย่างมากในย่านนี้ เดิมทีตึกนี้เคยเป็นที่ทำการธนาคารนครหลวงไทย ยังจะเห็นได้จากตราสัญลักษณ์ของธนาคารรูปพระมหามงกุฎที่ยังตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนชั้นสองของตัวตึก ปัจจุบันอาคารนี้ได้ใช้เป็นที่ตั้งของบริษัทเคพีแอร์ซัพพลาย
ตรอกกุญแจ
เดินข้ามฝั่งถนนจากตึกแถวไม้มา ทะลุเข้าตรอกกุญแจ ฟังจากชื่อพลอยจะเข้าใจว่าตรอกนี้คงจะเต็มไปด้วยร้านทำกุญแจ แต่ปรากฏว่ามีร้านทำกุญแจหลักอยู่ร้านเดียวนี่เองที่หน้าปากตรอก ในขณะที่แผงร้านค้าอื่น ๆ ภายในตรอกกุญแจเป็นร้านทำป้ายและร้านให้เช่าพระเก่า ให้นึกความรู้สึกว่ากำลังเดินเที่ยวตรอกซอกซอยเล็ก ๆ แถวท่าพระจันทร์ในกรุงเทพอยู่ไม่น้อย เมื่อเดินทะลุตรอกกุญแจจะพบกับตรอกแสงสุวรรณ ทางเข้าตลาดบางลำภูที่ยังคงสภาพเป็นย่านร้านค้าที่คึกคักอยู่เสมอ เพราะเป็นแถบที่มีสินค้าทั้งของสด ของแห้ง ค้าส่ง ค้าปลีกอยู่ในซอยนี้ ลูกค้าหลักส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นร้านอาหารใหญ่ในขอนแก่นที่จะมาเหมาซื้อของสดของแห้งล็อตใหญ่ ๆ กันที่นี่
ร้านน้ำเต้าหู้ 100 ปี
เราได้หยุดแวะเติมพลังกันอีกครั้งที่ร้านน้ำเต้าหู้ 100 ปี ที่อยู่เยื้องกับร้านอาหารตามสั่ง ร้านครัวหยก ที่เป็นร้านเก่าแก่ขึ้นชื่ออีกเช่นเดียวกันในจังหวัดขอนแก่น ร้านน้ำเต้าหู้ร้อยปีเปิดกิจการมายาวนานกว่า 3 ชั่วอายุคน รวมระยะเวลาที่เปิดมาก็เกือบ 70 ปี เป็นร้านห้องแถวชั้นเดียว ที่สังเกตเห็นได้ง่ายมาก เพราะมีกิมมิคเป็นเขม่าควันไฟดำที่ติดอยู่บนผนังปูนภายนอกร้าน บ่งบอกถึงกาลเวลาอันยางนานแห่งการทำธุรกิจเขม่าดังกล่าวเกิดจากเตาถ่านที่ยังคงใช้ต้มน้ำเต้าหู้มาจนปัจจุบัน สร้างความรู้สึกขรึมขลัง ว่ายังไงก็คงอร่อยแน่ ที่ร้านยังคงกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่นเห็นได้จากกระทะใบโตที่วางอยู่บนเตาหิน ที่ยังใช้ถ่านมะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง
โดยเคล็ดลับของการทำน้ำเต้าหู้ที่นี่ คือการโม่ถั่วเหลืองที่ใช้เครื่องโม่รุ่นโบราณขนาดใหญ่ทำให้ได้น้ำเต้าหู้ที่เข้มข้นและสดใหม่ ต้มในกระทะจนได้ที่ก่อนที่จะนำมากรองและขาย ในร้านนอกจากน้ำเต้าหู้แล้ว ยังขายขนมพื้นเมืองกรุบกรอบอย่างข้าวเกรียบงา ขนมหน้าแตก ข้าวโป่ง ข้าวโป่งงา ขนมเค้กกล้วยหอมที่ทานเล่นกับน้ำเต้าหู้ได้ สนนราคาน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ต้มสดใหม่เพียงถุงละ 7 บาทเท่านั้นก็อิ่มอร่อยได้ประโยชน์อย่างแน่นอน เชิญแวะมาชิมกันได้ที่ ถ.หลังเมือง ซอย 6 บริเวณใกล้เคียงกับวัดศรีจันทร์ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ตี 5 ถึง 1 ทุ่ม
Khon Kaen Street Art
เดินลัดเลาะต่อมาอีกหน่อย เข้าซอกซอยที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอาคารที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ เราจะได้พบกับมุม Street Art เล็ก ๆ ที่มี Graffiti Arts หรือภาพวาดฝาผนังที่ชวนให้ระลึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อด้าน Graffiti อย่างเมืองปีนัง หรือเมืองสงขลา ถึงแม้ว่าภาพวาดฝาผนังที่ขอนแก่นอย่างภาพมังกรผงาด และ ภาพสาวน้อยผมม้าเสื้อลายขวาง จะเริ่มสีสันซีดจางเพราะโดนแสงแดดโลมเลีย แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นมุมเก๋ ๆ ที่เหมาะแก่การลั่นชัตเตอร์อยู่ไม่น้อย
ตึกโรงแรมแกรนด์โฮเต็ล
จุดแวะชมอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจในย่านนี้ คือ อดีตโรงแรมแกรนด์โฮเต็ล ตึกห้าชั้นสีขาว รูปทรงโบราณ ซึ่งอดีตเคยเป็นโรงแรมใหญ่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของขอนแก่น ในปัจจุบันได้ปิดทำการไปแล้วและตัวตึกปล่อยทิ้งร้างไว้ยังไม่ได้รับการบูรณะ ด้วยสภาพพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นพื้นที่ทำเลทอง หากได้รับการดัดแปลง สร้างสรรค์ ใส่ไอเดียใหม่เข้าไป เชื่อได้ว่าตึกสวยแห่งนี้อาจสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้ง
ร้านกาแฟ 2499
เดินลัดเลาะด้านหลังวัดแขกไปทางด้านซ้ายจนสุดมุมถนนเส้นซอยหลังเมือง 10 เราจะพบกับร้านกาแฟชื่อ 2499 ร้านกาแฟในบรรยากาศแนวย้อนยุค ร้านเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้เก่าสีขาวสองชั้นด้านในทาสีเขียวไข่กา ประดับตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้สีเขียวรอบร้าน ดูร่มรื่นน่านั่งชิล ถึงแม้ว่าร้านจะชื่อว่า 2499 ดูย้อนยุคมาแล้วตั้งแต่ชื่อร้าน รวมถึงข้าวของที่ใช้ตกแต่งต่าง ๆ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศก็เป็นของเก่า แต่ก็เป็นร้านกาแฟที่ตั้งใหม่โดยฝีมือลูกหลานคนขอนแก่นที่ตั้งใจจะอนุรักษ์บ้านเก่าหลังนี้ไว้และนำมาดัดแปลงสภาพให้สวยงาม เพื่อเติมลมหายใจให้กับบ้านหลังเก่านี้ให้ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
คุณอาทิตย์ ตันเจริญ เจ้าของร้าน ได้ให้ข้อมูลว่า ที่ตั้งชื่อร้านว่า 2499 เนื่องจากในโฉนดที่ดินของทางร้านนั้นได้รับลงทะเบียนการเป็นเจ้าของไว้ในปี 2499 ตัวอาคารเดิมนั้นปลูกไว้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายมาจนรุ่นพ่อแม่ ตัวเขาเองก็เติบโตมาในบ้านหลังนี้ จนต่อมาเมื่อได้สร้างครอบครัวเล็ก ๆ ของตัวเองกับภรรยาและจึงได้คิดหาหนทางสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยได้คำแนะนำและการสนับสนุนให้เปิดบ้านเป็นร้านกาแฟ โดยได้เปิดร้านครั้งแรกวันที่ 30 สิงหาคม 2561 สูตรกาแฟต่าง ๆ เป็นสูตรที่ทางร้านคิดค้นกันเองและปรับปรุงมาเรื่อย ๆ ตามคำแนะนำของลูกค้า ในส่วนของการตกแต่งร้านนั้นมาจากความชอบส่วนตัวที่ชอบของโบราณอยู่แล้ว โดยที่ของตกแต่งโบราณต่าง ๆ ทั้งโคมไฟ หม้อ กะละมัง ถังสีต่าง ๆ ที่เอามาดัดแปลง ต่างก็เป็นของเก่าที่มีอยู่แล้วในบ้าน ใครที่มองหาร้านกาแฟนั่งพักขายามบ่ายคลายร้อน ลองแวะมาชิมกาแฟรสชาติดีที่นี่ได้ ร้านเปิดให้บริการทุกวัน ปิดเฉพาะวันอังคาร ตั้งแต่ 10.00 – 20.00 น.
มูลนิธิจิตกุศลขอนแก่น
เดินลึกเข้าไปไม่ไกลจากร้านกาแฟ 2499 เป็นที่ตั้งของวัดจีน ที่เห็นได้อย่างชัดเจนโดดเด่น ด้วยประตูทางเข้าที่ออกมาเป็นประตูลายจีน วัดจีนแห่งนี้ที่เคารพสักการะของชาวขอนแก่นมายาวนาน และยังเป็นศูนย์อาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดขอนแก่นอีกด้วย ที่มาของการตั้งมูลนิธิ ตั้งแต่ปี 2513 เกิดจากความขาดแคลนของบุคคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในสมัยนั้นที่เพิ่มจำนวนประชากรอย่างรวดเร็ว และยังมีโรงพยาบาลน้อยมากไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วย
ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจึงต้องหาวิธีแก้ไขเพื่อให้เข้าถึงและทันต่อเหตุการณ์ อาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดขอนแก่นจึงได้เกิดขึ้นโดยคหบดีชาวขอนแก่น 5 ท่าน คือ 1. ซุ่งพัว แซ่ก๊วย 2. นายกิมย้ง แซ่เซียว 3. นายหลี่ย้ง แซ่โค้ว 4. นายเจี่ยหยิมเงี้ยม และ 5. นาย บุ้งเพียว แซ่เล้า การก่อตั้งกู้ภัยเริ่มจากการเปิดรับสมัครประชาชนทั่วไปเพื่อเข้ามาเป็นอาสาสมัครกู้ภัยโดยไม่จำกัดเพศ โดยรับตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป โดยจะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำมูลนิธิอยู่จำนวนหนึ่งที่จะหมุนเวียนเข้าเวรกันตลอดเป็นกู้ภัยประจำศูนย์ ในส่วนอาสาสมัครกู้ภัยนั้นได้จากการเปิดรับสมัครจิตอาสาเพื่อทำบุญกุศลหลังจากว่างจากงาน โดยอาสากู้ภัยเหล่านี้มาจากหลากหลายอาชีพ ในช่วงแรก ๆ การกู้ภัยก็ทำไปตามอรรถภาพตามความเข้าใจของแต่ละบุคคล อาจจะยังขาดความรู้ในด้านต่าง ๆ อยู่มาก โดยเฉพาะด้านปฐมพยาบาลและการใช้เครื่องมือในการช่วยชีวิตทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ต่อมาได้มีการปรับปรุงพัฒนางานเพื่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามหลักการปฐมพยาบาล โดยมีการส่งอาสาสมัครเหล่านี้ไปฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังและถูกหลักวิธีการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง
ตลาดโต้รุ่งร่วมจิตร
ใกล้เที่ยงแล้วเต็มที ด้วยแสงแดดที่แผดจ้า ทำให้ชาวคณะเริ่มรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงจากการกรำแดด พลันพวกเราก็เดินมาจนถึงจุดหมายย่านสุดท้ายของการสำรวจในวันนี้ ที่ซึ่งเป็นเหมือนโอเอซิสน้อยๆ ท่ามกลางความร้อนผ่าว ตลาดโต้รุ่งร่วมจิตร เป็นตลาดร้านค้าอาหารที่คึกคักตลอดอยู่ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เป็นศูนย์รวมแห่งความหลากหลาย ทั้งอาหารตามสั่งมากมายหลายร้าน ทั้งอาหารไทย จีน อีสาน ไปจนตลอดถึงของหวาน ขนมนมเนย ผลไม้หลากหลายรูปแบบ เรียกได้ว่ามาครบจบ (และอิ่ม) แน่นอนในที่เดียว
ตลาดโต้รุ่งร่วมจิตรอยู่คู่กับปากท้องคนขอนแก่นมาเป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปี ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดขายมากว่า 3 เจนเนอเรชั่นจากรุ่นสู่รุ่น นับว่าเป็นตลาดโต้รุ่งแห่งแรกในขอนแก่น ที่เมื่อครั้งแรกที่เปิดกิจการโดยการอนุมัติจากเทศบาลนครให้ใช้พื้นที่ในบริเวณที่ตั้งอยู่ปัจจุบันก็เนื่องจากเป็นแหล่งใกล้ศูนย์กลางจังหวัดและมีโรงภาพยนตร์ใกล้เคียงถึงสองแห่ง ทำให้เป็นที่นิยมแวะเวียนมาของลูกค้าที่มาดูหนัง ต่อมาเมื่อเลิกกิจการโรงหนังไปตลาดก็เริ่มซบเซาไปช่วงหนึ่ง แต่ร้านก็ยังอยู่กันได้เพราะลูกค้าประจำยังติดใจในรสชาติอาหาร เมื่อ ปี 2558 จึงได้มีการปรับปรุงตลาดให้มีความทันสมัย สวยงาม สะอาดสะอ้าน เพื่อเป็นแหล่งกินของคนเมืองขอนแก่นอย่างถูกสุขลักษณะ และมีการตรวจความสะอาดจากสำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครขอนแก่นอย่างเป็นประจำได้ให้ได้มาตรฐาน ตลาดโต้รุ่งร่วมจิตรเปิดให้บริการแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. และ 15.00. 05.00 น.โดยมีทางเข้าหลายทางอยู่ในซอยร่วมจิตร ง่ายที่สุดคือเข้าทางซอย บ้านพักผู้พิพากษา ภาค 4 ถ.กลางเมือง ตรงข้ามโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน
ให้ภาพเล่าเรื่องศรีจันทร์
Comments